ภาษาไทยกับวัยรุ่น🌈
คำว่า “ภาษา” เป็นคําสันสกฤตที่มาจากรากศัพท์เดิมว่า
“ภาษ” เป็นคำกริยา แปลว่า กล่าว พูด หรือบอก
เมื่อนำมาใช้จึงเปลี่ยนรูปเป็น “ภาษา”
ซึ่งมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า คำพูด หรือ ถ้อยคำ
เป็นสิ่งที่มีมนุษย์ใช้ทำความเข้าใจระหว่างคนกับคนเป็นวิธีที่มนุษย์ใช้แสดงความในใจ
เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ โดยใช้เสียงพูดที่มีระเบียบและมีความหมาย พูดออกมาเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน
อาจกล่าวโดยสรุปว่า ภาษา คือ เครื่องมือในการสื่อความหมายโดยผ่านทางเสียงพูด
ถ้อยคำ กริยาอาการ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อใช้ถ่ายทอดความรู้สึก ความต้องการของตนให้ผู้อื่นทราบในการประกอบกิจการร่วมกัน (หมวดภาษาไทยมหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรฝ่ายมัธยม
: ๒๕๕๑)
ภาษาเป็นสิ่งแสดงภูมิปัญญาอันยอดของมนุษย์ที่สามารถพัฒนาเสียงซึ่งเปล่งออกได้ด้วยอาการตามธรรมชาติ
ให้กลายเป็นเครื่องมือใช้สื่อสารความคิด ความรู้สึก ความต้องการของตนให้
ผู้อื่นรู้และสื่อสารกันได้จนเกิดเป็นภาษา มนุษย์ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร
และทำความเข้าใจกันในหมู่คณะที่ใช้ภาษาเดียวกัน ภาษาทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่
ความรู้ความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ และความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย มนุษย์สามารถพัฒนาความรู้
ความคิด จิตใจ คุณธรรม ความเชื่อ ศิลปะ ฯลฯ จนแตกต่างจากสัตว์ทุกชนิดและเป็นผู้ครองโลกได้ด้วยภาษาของมนุษย์นี้เอง
ภาษาจึงเป็นส่วนสำคัญของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนที่เจริญก้าวหน้าจนเป็นมหาอำนาจหรือกลุ่มชนที่ล้าหลังที่สุด
ต่างก็มีภาษาใช้ สื่อสารกันในกลุ่มของตน
และทุกภาษาจะมีความสมบรูณ์เพียงพอที่จะใช้สื่อสารกันได้ในกลุ่มเมื่อ
มนุษย์ได้ติดต่อกับคนต่างกลุ่ม
ติดต่อกับคนที่ใช้ภาษาต่างกันการหยิบยืมทางภาษาก็อาจเกิดขึ้น ได้ในทุกกลุ่มชน
การยืมจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความต้องการของคนในสังคมนั้นๆ
(กาญจนา นาคสกุล,๒๕๔๕)
“ทกุสิ่งในโลกล้วนเป็นอนิจจัง”
วัฏจักรของชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ภาษาก็มีวัฏจักรชีวิตเช่นเดียวกัน
ภาษามีเกิด คือ มีการสร้างคำใหม่
ภาษามีแก่ คือ คำที่คิดว่า
เก๋เท่ในยุคหนึ่งก็กลับกลายเป็นคำที่ล้าสมัยในปัจจุบัน
ภาษามีเจ็บ คือ ความบกพร่องในการใช้ภาษา
ต้องอาศัยการเยียวยา
ภาษามีการตาย คือ
คำบางคำไม่มีการนำกลับมาใช้อีก
ภาษาไทยเป็นขุมคลังแห่งภูมิปัญญาของคนไทยทั้งชาติเป็นเอกลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของอารยธรรมไทยที่โดดเด่นมาอย่างยาวนานแต่ทุกวันนี้ดูเหมือนภาษาไทยกำลังจะถูกลืมจากคนรุ่นใหม่ ดัชนีชี้วัดที่สำคัญประการหนึ่งก็คือผลสัมฤทธิ์ด้านการใช้ภาษาไทยของเด็กเยาวชน และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
ล้วนตกต่ำลงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นการตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนน่าสังเกตเป็นพิเศษด้วยในรอบหลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้นแล้วการใช้ภาษาไทยที่ผิดๆก็มักให้เห็นอยู่อย่างมากมายทั้งในสื่อมวลชน ในเพลง ในละครโทรทัศน์
และในการแชทผ่านอินเทอร์เน็ต
รวมทั้งในชีวิตประจำวันเราเองที่ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับการเขียน การพูด
การสื่อสารให้ถูกต้อง รวมทั้งไม่มีค่านิยมในการศึกษาหาความรู้ที่ถูกต้องด้วย (พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
: ๒๕๕๔)
ภาษาไทยเป็นรูปแบบการสื่อสารที่สำคัญของคนไทย
การใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถสื่อสารบอกความต้องการ ความรู้สึกของเราได้
และภาษาไทยถือเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่ทรงได้ประดิษฐ์อักษรไทยให้คนไทยได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบันโลกของเราได้มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก
ทำให้มีความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน
รวมทั้งการสื่อสารวัยรุ่นในประเทศไทยยุคใหม่บางกลุ่มได้สร้างค่านิยมที่ผิดๆ
มาใช้คือ การใช้ภาษาไทยที่ผิดจากคำเดิม จึงทำให้ภาษาไทยของเราเปลี่ยนแปลงไป
เยาวชนยุคหลังๆ จึงใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง
วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่มีการสื่อสารกันมากและมีรูปแบบการสื่อสารด้วยคำที่ทันสมัย มีความหมายเฉพาะสำหรับกลุ่มและช่วงวัย
วัยรุ่นจึงขาดความคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมของภาษาที่ใช้ให้เหมาะสมกับโอกาสและกาลเทศะ
เช่น การพูดกับผู้ใหญ่ พูดในที่สาธารณะที่มิใช่เฉพาะกลุ่มของตน
หรือการพูดติดต่อที่เป็นทางการ ควรใช้ถ้อยคำที่ไพเราะและใช้ภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม
จะช่วยให้มีพัฒนาการทางภาษาที่ดีในอนาคต
การใช้ภาษาไทยที่ผิดๆ
ของวัยรุ่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ภาษาไทยวิบัติลง ซึ่งจะเห็นได้จากที่วัยรุ่นใช้สื่อสารทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
เช่น คำว่า “ทามอะไรอยู่ (ทำอะไรอยู่) เปนอะไร
(เป็นอะไร)” เพราะคำเหล่านี้ทำให้พิมพ์ง่าย
สื่อสารกันได้เร็ว แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง
การที่ภาษาไทยหนึ่งคำสามารถเขียนได้หลายแบบ
เพราะภาษาไทยมีพยัญชนะที่ออกเสียงเหมือนๆ กัน มีสระที่เสียงคล้ายๆ กัน
จึงทำให้สามารถเขียนออกมาได้หลายแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาษาไทยสามารถดัดแปลง
เปลี่ยนแปลงคำได้หลากหลาย โดยที่ความหมายเหมือนเดิม
แต่ลักษณะการเขียนผิดออกไปจากเดิม
ทำให้ความเปลี่ยนแปลงทางภาษาไทยที่มีความซับซ้อนและทำให้วัยรุ่นนิยมใช้ภาษาไทยที่มีความหมายละเอียดและกว้างจากความหมายเดิมมีมากขึ้น
👥 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น
ปัญหาการใช้ภาษาไทยได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานหลายสิบปี
แต่ในยุคปัจจุบันนี้ปัญหายิ่งวิกฤติความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีปัจจัยหนุนนำที่สำคัญนั่นคือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว
เราจึงพบการใช้ภาษาไทยแบบผิด ๆ มากมายจนเกือบจะกลายเป็นความคุ้นชิน
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นยิ่งน่าเป็นห่วงมากที่สุด เป็นกลุ่มที่นิยมใช้ภาษาที่มีวิวัฒนาการทางภาษาที่เฉพาะกลุ่ม
ซึ่งเป็นภาษาที่เกือบจะไม่มีไวยากรณ์ ไม่ว่าจะจากการรับส่งข้อความสั้น
(SMS)
การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) การสนทนาออนไลน์
(MSN) หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นในโลกอินเทอร์เน็ต
การใช้ภาษาไทยที่เกิดจากอินเทอร์เน็ตนั้นเริ่มลุกลามมาจากโปรแกรมแชทรูมและเกมออนไลน์
ซึ่งดูคล้ายเป็นการสนทนากันธรรมดา แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสแล้วมิใช่เลย
การสนทนาอันไม่มีขีดจำกัดของภาษาทำให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย ดังเช่นที่พบตามหน้าหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
และในขณะเดียวกันก็สร้างปัญหาให้แก่วงการภาษาไทยด้วย
นั่นคือการกร่อนคำ และการสร้างคำใหม่ให้มีความหมายแปลกไปจากเดิม
หรืออย่างที่เรียกว่าภาษาเด็กแนวนั่นเองวัยรุ่น เป็นช่วงวัยที่มีการสื่อสารกันมากและมีรูปแบบการสื่อสารด้วยคำที่ทันสมัย
มีความหมายเฉพาะสำหรับกลุ่มและช่วงวัย
วัยรุ่นจึงขาดความคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมของภาษาที่ใช้ให้เหมาะสม มีหลายสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นใช้ภาษาที่ผิดๆ
โดยเฉพาะเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก ทำให้มีความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน
รวมทั้งการสื่อสาร วัยรุ่นในประเทศไทยยุคใหม่บางกลุ่มได้สร้างค่านิยมที่ผิดๆ มาใช้
คือ การใช้ภาษาไทยที่ผิดจากคำเดิม จึงทำให้ภาษาไทยของเราเปลี่ยนแปลงไป
เยาวชนยุคหลัง ๆ จึงใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง สื่อมวลชนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการใช้
ภาษาไทยแบบผิดๆของประชาชนเพราะสื่อมวลชนเป็นผู้ที่ให้ข้อมูล ข่าวสารกับประชาชนทุกวัน
สื่อมวลชนต้องเป็นผู้นำที่ดีที่สุดของการใช้ภาษาและต้องให้ข้อคิดอยู่เสมอว่าภาษานั้นสะท้อนความเป็นตัวของเราเอง
ถ้าใช้ภาษาดี ภาษาที่ถูกต้อง ภาษาที่นำสังคมไปในทางสร้างสรรค์สร้าง ความสามัคคี
สร้างความรัก สร้างความภูมิใจในชาติจะทำให้ทุกคนเห็นคล้อยตาม แต่ถ้าหากว่าสื่อมวลชนนำภาษาที่ประหลาด
ภาษาที่ไม่ถูกต้องเอามาเผยแพร่บ่อยๆ คนจะคิดว่าสิ่งที่สื่อมวลขนมาเผยแพร่นั้นถูกต้อง
เป็นสิ่งที่ดี มันจะทำลายภาษาไทย โดยเฉพาะการใช้ภาษาในข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ต่างๆ
เป็นต้น
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งในการใช้ภาษาไทย
ก็คือ ปัญหาการใช้ภาษาไทยของครูและนักเรียน เกิดจาก ครูเนื่องจากครู คือ ผู้ประสาทวิชา
เป็นผู้ให้ความรู้แก่ศิษย์ ดังนั้นความรู้ในด้านต่างๆ เด็กๆ จึงมักจะได้รับมาจากครูเป็นส่วนใหญ่
ในขณะที่ครูบางคนนั้นมีความรู้แต่ไม่แตกฉาน โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยเป็นวิชาที่มีความละเอียดอ่อน
และมีส่วนประกอบแยกย่อยอย่างละเอียดลออ เมื่อครูไม่เข้าใจภาษาไทยอย่างกระจ่าง
จึงทำให้นักเรียนไม่เข้าใจตามไปด้วย จนพาน เกลียดภาษาไทยไปในที่สุด
ซึ่งเป็นปัญหาที่ปรากฏให้เห็นอยู่มากมายในปัจจุบัน
📡รูปแบบการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น
การใช้ภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสาร
ซึ่งผู้ส่งสารจะต้องทำให้ผู้รับสารเข้าใจความหมาย ของตน ให้มากที่สุด
แต่การสื่อสารที่มีรูปแบบแตกต่างกัน จะทำให้การใช้ภาษามีความแตกต่างกัน ไปด้วย
เช่น การสื่อสารแบบเผชิญหน้าย่อมแตกต่างจากการสื่อสารแบบผ่านเครื่องมือการสื่อสาร หรือการสื่อสารด้วย สื่อสิ่งพิมพ์
ย่อมมีความแตกต่างการสื่อสารด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีทั้งภาพ และเสียง
ในปัจจุบันปัญหาที่พบเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย คือการใช้ภาษาในทาง “วิบัติ”
และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ภาษาอยู่หลายประเภท เช่น
รูปแบบการพูด
เป็นประเภทของภาษาวิบัติที่ใช้เวลาพูดกัน ซึ่งบางครั้งก็ปรากฏขึ้นในการเขียน ด้วย
แต่น้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ในเวลาเขียน โดยการพูดมักจะพูดให้มีเสียงสั้นลง หรือยาวขึ้น
หรือไม่ออกเสียงควบกล้ำเลย ประเภทนี้เรียกได้อีกอย่างว่ากลุ่มเพี้ยนเสียง
รูปแบบการเขียน
รูปแบบของภาษาวิบัติประเภทนี้ โดยทั้งหมดจะเป็นคำพ้องเสียงที่นำมาใช้ผิดหลักของภาษา
คนที่ใช้ภาษาวิบัติเวลาเขียนนั้นจะเขียนตามเสียงอ่าน เพราะไม่ต้องการอยู่ในกรอบ หรือต้องการทำอะไรที่คิดว่าใหม่
ไม่เลียนแบบของเก่า ได้แก่
๑. การเขียนตามเสียงพูด
๒.
การสร้างรูปการเขียนใหม่
๓.
รูปแบบของการเปลี่ยนแปลงเสียงอ่าน
๔.
กลุ่มที่เปลี่ยนแปลงความหมาย
🔔ลักษณะและตัวอย่าง
🔔ลักษณะและตัวอย่าง
☺คำสะกดผิดได้ง่ายเป็นรูปแบบของคำที่มีการสะกดผิดซึ่งเกิดจากคำที่มีการผันอักษรและเสียงไม่ตรงกับรูปวรรณยุกต์
➤ สนุ๊กเกอร์ (สนุกเกอร์)
➤ สนุ๊กเกอร์ (สนุกเกอร์)
➤ โน๊ต (โน้ต)
☺ที่สะกดผิดเพื่อให้แปลกตา
➤ หน่องเตย (ใบเตย อาร์ สยาม)
➤ นู๋ (หนู)
➤ ชะมะ,ชิมิ (ใช่ไหม)
➤ ช่ะ (ใช่ปะ, ใช่เปล่า, ใช่หรือเปล่า
ตามลำดับ)
➤ มว๊ากกกก (มาก)
➤ ป่าว , ป่ะ,
ปล่าว (เปล่า)
➤ คัย,ไค,ครัย (ใคร)
➤ เตง,ตะเอง (ตัวเอง)
➤ เก๊า, เก๊าท์, (เขา)
➤ เทอ,เทอร์ (เธอ)
➤ ชั้ล , ช้าน (ฉัน)
➤ เกรีeu (เกรียน)
➤ uou (นอน)
➤ Inw (เทพ)
➤ ll"ll
""ll ll"ll (กาก)
☺คำที่สะกดผิดเพื่อแสดงอารมณ์
➤ เป็นอะไร → เปงราย,
เปนรัย, เปงรัย
➤ ทำไม →
ทามมาย, ทามมัย
➤ จังเลย →
จังรุย, จังเยย, จุงเบย
➤ บอกตรง ๆ →
บ่องตง
➤ นิดนึง →
นิสนึง, นิสนุง
➤ คือแบบ → คีบับ,
เคบับ
➤ น่ารำคาญ →
น่ามคาน
➤ น่ารักอะ →
น่าร๊อคอ้า
➤ จริง ๆ → จีจี,จิงๆ
➤ สุด ๆ → ฝุด ๆ
➤ ไม่รู้ →
มะรุ
➤ อะไรหรือ →
ไรเหรอ, ไรหรา, ไรเหลอ,
ไรหรอ, อาไยหยอ
☺คำเลียนเสียง
โดยส่วนใหญ่จะเพิ่มทัณฑฆาต หรือซ้ำตัวอักษร
➤ อ๊าย → แอร๊ยย,
อร๊ายยย, อั้ยยะ
➤ กรี๊ด →
กี๊สส
➤ โฮก → โฮกกก
➤ โอ้ → โอ้วส์
➤ มัน →
มันส์
· 👬 แนวทางการจัดการกับปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น
แนวทางในการจัดการกับปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น
อาจจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยสอดส่องดูแลอย่างสม่ำเสมอ
แต่ถึงอย่างไรการจัดการกับปัญหานี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานรัฐเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่จะช่วยจัดการกับปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่นได้ง่ายที่สุด คือ
สถาบันครอบครัว
พ่อ แม่ ผู้ปกครอง นับว่าเป็นบุคคลใกล้ตัวและมีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะช่วยในการแก้ปัญหา
โดยควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและวัยรุ่น ควรสอนให้เด็กเขียนหนังสือให้ถูกต้อง
และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านก็จะยิ่งช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก
สถาบันการศึกษา
ทุกสถาบันมีการเรียนการสอนภาษาไทยอยู่แล้ว ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงอุดมศึกษา
โดยสถาบันในทุกระดับนั้น ควรให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาไทยมาก นอกจากนี้อาจต้องต้องพิจารณาหลักสูตรโดยหันมาใช้การเรียนการสอนเดิมๆ
ดูบ้าง ซึ่งจะมีวิชาเขียนไทย อ่านไทย ย่อความ หรือท่องอาขยาน
เพื่อให้เด็กใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องมากขึ้น ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ก็เคยมีรับสั่งว่า การที่ให้เด็กได้ท่องอาขยาน เป็นการฝึกความจำของเด็ก
ด้วยการให้ได้ท่องภาษาดีๆ การใช้ภาษาของเด็กก็จะได้รับการพัฒนาไปด้วย อย่างไรก็ตาม
การที่จะฝึกฝนและสอนเด็กให้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องนั้น
ครูก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้หามาตรการในการสร้างมาตรฐานการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องของครูด้วยเช่นกัน
เช่น แนวคิดในการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานของครูโดยราชบัณฑิตยสถาน
การจัดอบรมครูภาษาไทยทั่วประเทศทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน โดยสมาคมครูภาษาไทยฯ
เป็นต้น
สื่อ
เนื่องจากเด็กและเยาวชนอยู่กับสื่อแทบตลอดเวลา มากกว่าอยู่กับพ่อแม่
และสถาบันการศึกษาด้วยซ้ำ
สื่อจึงควรมีจิตสำนึกและตระหนักว่าตนเองมีความสำคัญต่อสังคม
มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมต่าง ๆ ของวัยรุ่น รวมทั้งการใช้ภาษา
แม้ว่าสื่อมีความจำเป็นต้องใช้คำแปลกใหม่บ้างเพื่อเป็นสีสันของข่าว และดึงดูดผู้ชมผู้ฟัง
แต่ก็ต้องไม่มากจนเกินไป ดังนั้น เมื่อจะสื่อสารสิ่งใดจึงควรมีวิจารณญาณ
และใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมต่อไป
การที่จะฝึกฝนหรือสอนให้เด็กพูด
อ่าน และเขียนภาษาไทยให้ถูกต้องนั้น คงจะง่ายขึ้นหากเราสามารถปลูกฝังให้พวกเขารู้สึกหวงแหนภาษาไทย
ซึ่งเป็นมรดกของชาติ เพราะเรามีทั้งภาษาพูด และภาษาเขียนที่เป็นของเราเอง
เพื่อที่วันข้างหน้าเขาจะเติบโตขึ้นเป็นเยาวชนไทยที่ใช้ภาษาไทยถูกต้อง
มีบุคลิกภาพดี และสามารถอวดเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สำหรับครู อาจารย์ก็ต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้กับเด็กนักเรียนในห้องเรียน
เพราะพฤติกรรมและการออกแบบการจัดการเรียนรู้ของครูเอง
จะมีอิทธิพลต่อแรงจูงใจของนักเรียน
ครูจึงสามารถพัฒนาแรงจูงใจของนักเรียนได้โดยสนับสนุนให้นักเรียนกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้
และสร้างความเข้าใจว่า ความสำเร็จนั้นเกิดจากความพยายาม
ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนสามารถควบคุมได้ และในการจัดกระบวนการเรียนรู้
ครูต้องพยายามเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิต
กำหนดหรือมอบหมายงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพของนักเรียน
เพื่อให้พวกเขาเกิดความมั่นใจ และใช้การเสริมแรงทางบวกเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้ได้มากที่สุด
จะเห็นได้ว่า
ปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่นไทยมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เพราะภาษาไทยไม่ใช่ไว้เพียงแค่การติดต่อสื่อสารเท่านั้น
แต่ภาษาไทยของเราเป็นเอกลักษณ์ เป็นวัฒนธรรม ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี
ภาษาไทยจึงมีความสำคัญกับวัยรุ่นไทยที่จะเป็นอนาคตของประเทศที่จะเป็นตัวช่วยสืบสาน
รักษาภาษาไทย ที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างไว้ให้คงอยู่กับชาติบ้านเมือง
และให้ภาษาไทยอยู่คู่กับชาติไทยไปตลอด
บรรณานุกรม
chatchai nokdee. (2557). ปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่น. [Online]. เข้าถึงได้จาก
: https://www.thaihealth.or.th/Content/25193
[2563 มีนาคม 20]
ฉัตรชัย ใจแสน.
(2558). ปัญหาการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่นไทย. [Online].
เข้าถึงได้จาก : http://blog.mcp.ac.th/?p=23573 [2563 มีนาคม 20]
ผัสชาณิกาญจน์ หาญณรงค์. (2556). ภาษากับวัยรุ่น. [Online]. เข้าถึงได้จาก : https://www.dek-d.com/board/view/3054190/ [2563 มีนาคม 20]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น